วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ต้นไม้นี้มีนามว่า "ชีวิต"

    หากจะเปรียบเทียบว่าเด็กนั้นก็คือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ก็คงไม่แปลก เพราะเมื่อเราได้หว่านเมล็ดพันธุ์นั้นลงดิน ก็ย่อมต้องได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์นั้นเติบโตมาเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยดอกผล ฉนั้นแล้วมนุษย์แต่ละคนที่เติบโตขึ้นมาได้ ในทุกๆย่างก้าวย่อมต้องได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ย่อมต้องพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตมากมาย ทั้งที่ดีและไม่ดี ทั้งทุกข์และสุข ดังนั้นแล้วเมื่อเมล็ดพันธุ์ถูกหว่านลงดินพร้อมกับได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ได้ดินที่ดีอุดมสมบูรณ์ ก็ย่อมเกิดผลดีและเติบโตได้สมบูรณ์
    เราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กมาก่อน ล้วนเคยผ่านช่วงที่เรายังเป็นต้นกล้า ช่วงที่ยังบอบบางและต้องการการดูแลอย่างดีมาก่อน ดังนั้นแล้วมนุษย์เรานั้นก็คงไม่ต่างจากต้นไม้เลย ที่ในแต่ละช่วงของการเติบโตนั้นย่อมต้องผ่านการเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาวจนเราเติบโตขึ้นมาได้ จากเมล็ดสู่ต้นอ่อน จากต้นอ่อนสู่วัยที่ออกดอกออกผลมากมาย ย่อมต้องพบเจอกับอุปสรรค พายุ ลมผน ต่างๆมากมาย คุณลองคิดดูสิว่า ปีแล้วปีเล่าที่ผ่านเลยไปนั้นได้ทำให้เรานั้นเติบโตขึ้น แข็งแรงขึ้นมากมายขนาดไหน ทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆมากมายขนาดไหน ฉนั้นแล้วถ้าหากพวกคุณกำลังต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆนานา จนคุณอ่อนล้าแล้วดูเหมือนอย่างว่าคุณจะไปต่อไม่ได้ ก็ขอให้คุณเหลียวกับไปดูต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้ที่เติบโตจากต้นกล้าจนกระทั่งเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ มีกี่ครั้งที่ต้องยืนต้นเพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำ มีกี่ครั้งที่ต้องพบเจอกับแสงแดดที่แผดเผา กี่ครั้งที่แห้งแล้งและต้ิองกันดารน้ำ แต่ต้นไม้นั้นก็ผ่านมาได้ แต่สาเหตุคงไม่ใช่เพราะว่าอดทนและต่อสู้เพียงอย่างเดียวหรอกนะ!!! แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าทุกครั้งที่ต้นไม้นั้นต้องพบเจอกับปัญหา มันจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อต่อสู้กับปัญหาต่างๆนานา เมื่อมันต้องเจอกับพายุมันก็จะเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้โอนอ่อนไปตามลมได้ ฉนั้นแล้วคุณจงรู้ไว้เถอะว่าปัญหาหรืออุปสรรคที่คุณได้พบเจออยู่ มันเกิดขึ้นเพื่อให้คุณได้เรียนรู้และปรับตัว ฉนั้นแล้วจงยืนหยัดต่อสู้กับมรสุมที่ผ่านเข้ามาเถอะครับ เพราะทุกๆครั้งที่คุณผ่านมันมาได้นั้น คุณก็จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
    จงเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นเถิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่หยดน้ำที่หยดลงบนก้อนหินทุกวัน ยังทำให้หินกร่อนได้ คุณก็สามารถที่จะเรียนรู้และก้าวผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายไปได้อย่างแน่นอนขอเพียงแค่คุณไม่ละความพยายาม ดังนั้นแล้วจงอย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตาเลย เพราะว่าส่วนผสมของดินและน้ำก็อยู่ที่ตัวของเราแล้ว ที่เหลือก็แค่คุณต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างสง่างาม ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกมาอย่างแข็งแรงเถอะ    

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

I'm Sorry

    สำหรับบางคนแล้วการที่จะขอโทษหรือให้อภัยใครซักคนนั้นคงเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับคนบางคนแล้วการที่เราจะขอโทษหรือให้อภัยใครซักคนนั้นช่างง่ายเหลือเกิน เพราะว่ามนุษย์เราต่างคนก็ต่างนิสัย ล้วมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป บางคนโกรธง่ายหายเร็ว บางคนขี้งอน ขี้รำคาญ และมันก็ช่างเป็นเรื่องธรรมดาปกติเหลือเกิน ที่ในชีวิตของเรานั้นต่างก็ต้องมีสิ่งที่เราได้ทำบางสิ่งผิดพลาดออกไป แล้วมันได้ไปทำให้ใครบางคนเสียใจ แม้ในบางครั้งเราอาจไม่ตั้งใจ หรือในบางครั้งอารมณ์มันพาไป แล้วคุณเชื่อหรือไม่เพียงแค่คุณพูดคำว่า"ขอโทษ"เพียงคำเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้เรื่องพิดพลาดต่างๆนานากลับกลายเป็นดีได้
    มีหลายครั้งที่การพูดคำว่า"ขอโทษ"เพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่สามารถจะทำให้อีกฝ่ายยอมอภัยให้ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้นมันช่างยากจนเกินอภัยให้ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้นมันช่างยากจนเกินอภัย หรือสิ่งที่คุณทำลงไปนั้นมันได้ไปทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายซะมากมายซะเหลือเกิน ในเมื่อถ้าเป็นดังนั้นแล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี เพื่อให้เธอรู้ว่าฉันกำลังขอโทษและยอมรับผิดอยู่ ซึ่งวิธีนี้คุณสามารถนำไปใช้ง้อแฟนคุณได้ด้วย ถ้าอย่างนั้นเราตามไปดูกันเลย

  1.    เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณผิดจงยอมรับในความผิดของตัวเองให้ได้เสียก่อน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนผิดอยู่ด้วยก็ตาม ที่คุณต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้อารมณ์โกรธนำคุณได้ ถ้าคุณไม่ควบคุมตัวเองแล้วยอมรับผิดก่อนมันก็เหมือนคุณเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟนั่นหร่ะครับ มันมีแต่จะบานปลาย  2.    หลังจากนั้นคุณจากนั้นคุณก็แค่กล่าวคำว่า"ขอโทษ"ที่มันออกมาจากใจของคุณจริงๆพร้อมทั้งให้เหตุผลที่เกิดจากคุณ (สาเหตุของคุณคนเดียวเท่านนั้น ห้ามพาดพิงถึงอีกฝ่าย) เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าการที่คุณบอกถึงข้อบกพร่องของตัวเองเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคุณตั้งใจที่จะขอโทษและยอมรับผิด แล้วพร้อมที่จะหาทางออก หาทางปรับปรุงแก้ไขให้เหตุการณ์มันดีขึ้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นการทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ถ้าหากว่าคุณเป็นคู่รักกัน คุณอาจจะใช้คำว่า"เรา" เพราะว่าคำว่า"เรา"นั้นหมายถึง คุณเต็มใจที่จะปรับตัวเข้าหาคู่รักของคุณมากขึ้น 
 3.     แต่ถ้าหาก 2 วิธีแรกยังใช้ไม่ได้ผล นี่ก็คงเป็นท่าไม้ตายเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ "จงยอมรับผิด และเสนอเงื่อนไขที่จะทำให้อีกฝ่ายพอใจ" เช่น เมื่อคุณทำให้คนรักของคุณโกรธจัด คุณก็อาจจะขอโทษแล้วตามด้วยบอกกับคนรักของคุณว่า "หายโกรธเราเถอะนะ เราผิดไปแล้ว เธอจะให้เราปรับปรุงตัวเองยังไงก็บแกเรามา" หรืออาจจะเป็น "หายโกรธเราเถอะนะ แล้วเดี๋ยวเราจะซื้อตุ๊กตาหมีให้" เป็นต้น
    แล้วถ้าหากคุณได้ทำตาม วิธีดังกล่าวแล้ว แต่อะไรๆก็ยังไม่ดีขึ้น บทสรุปสุดท้ายก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ"เวลา"แล้วหร่ะครับ คงต้องรอให้ใจเย็นลงกว่านี้ก่อน ให้ได้ครุ่นคิดอะไรเสียก่อน แล้วผมเชื่ิอว่าอะไรๆต้องดีขึ้นแน่นอน
    และสุดท้ายนี้ผมก็ไม่อยากใครก็ตามที่มีปัญหากัน ทะเลาะกัน หรือมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ต้องคิดมากและกลุ้มใจ แต่ผมอยากให้คุณมองการที่คุณทะเลาะกัน ที่คุณโกรธกันเป็นเรื่องของการปรับความเข้าใจกัน คุณเคยโกรธพ่อแม่หรือทะเลาะกับเพื่อนท่านไหมครับ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณคืนดีกัน คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น คุณเคยทะเลาะกับแฟนของคุณไหม? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณคืนดีกัน คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้นและที่สำคัญอาจจะรักกันมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วเมื่อคุณทำผิดก็จงกล่าว"ขอโทษ"ออกมาเถอะ เพราะอีกฝ่ายอาจจะรอพูดคำว่า"อภัย"อยู่ก็ได้ ดังที่กลอนนี้ได้ว่าไว้

                             อย่ากลัวที่จะพูดคำว่า …ขอโทษ
                                  หากตัวเองเป็นฝ่ายผิด
                            เพราะอีกฝ่าย เขาอาจจะรอใช้สิทธิ์
                                    คำว่า….ให้อภัยอยู่!! 
 

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท่วงทำนองแห่งชีวิต

    ถ้าจะให้พูดถึงบทเพลงที่ไพเราะ ก็คงต้องมีส่วนประกอบที่หลากหลายทั้งจังหวะ ทำนอง ความพร้อมเพรียง และอีกมากมาย ในเพลงแต่ละเพลงนั้นต่างก็มีจังหวะและทำนองที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นเพลงช้า บ้างก็เป็นเพลงเร็ว บางเพลงก็เศร้า บางเพลงก็สนุก ต่างก็ให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ในแต่ละบทเพลงนั้นอาจจะประกอบด้วยเครื่องดนตรีมากมาย หรือในบางเพลงก็มีเครื่องดนตรีแค่ไม่กี่อย่าง ถ้าจะเปรียบกันแล้วมันก็คงไม่ต่างจากชีวิตของเราเลย เพราะชีวิตของเรานั้นต่างก็มีทั้งทุกข์และสุข ทั้งสนุกและรื่นรมย์ บรรเลงรวมกันจนเกิดเป็น บทความที่มีชื่อว่า


                         "ท่วงทำนองแห่งชีวิต"


     ในหนึ่งบทเพลงนั้นจะต้องประกอบด้วยบทเพลงที่หลากหลาย เหมือนในหนึ่งวันของเรานั้นต่างก็พบเจอกับสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งรถติด ตื่นสาย ขี้เกียจ หรือเบื่อหน่าย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันของเราเสมอ คนบางคนรู้ว่ารถจะติดแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินทางหรือเปลี่ยนแปลงเวลาในการเดินทาง คนบางคนเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ตัวเองทำแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อไปหาสิ่งหใม่ๆ ต่างก็กลัวและมีข้ออ้างอยู่ตลอดเวลา น้อยคนนักที่จะรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองนั่นหร่ะที่เป็นคนกำหนดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ตัวเขาเองนั่นหร่ะที่เป็นคนกำหนดท่วงทำนองของชีวิต
    บางเวลาชีวิตของเราอาจจะต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ในบางครั้งเราอาจจะมีความสุขมากมายกับการใช้ชีวิต บางทีชีวิตของเราก็เหมือนขาขึ้นทำอะไรก็ดีไปหมด แต่ในบางทีชีวิตเราก็เหมือนเล่นตลก สิ่งที่เคยมีกลับไม่มี สิ่งที่เคยได้กลับไม่ได้ สิ่งที่เคยปรารถนากลับไม่สมหวังดังตั้งใจ มันก็คงไม่ต่างจากบางจังหวะในบทเพลง ที่มีทั้งเสียงสูงและเสียงต่ำ ดังนี้แล้วจงอย่ากังวลใจไปเลย เพราะเมื่อบทเพลงที่ไพเราะยังมีส่วนประกอบตั้งมากมายแล้วหร่ะก็ ชีวิตของเรามันก็ต้องมีทั้งช่วงที่ทุกข์และสุข สนุกและเสียใจ ปะปนกันไป ในเมื่อหนึ่งบทเพลงยังมีทั้งท่อนอินโทรและท่อนโซโล่ แล้วทำไมคุณถึงไม่ปรับปรุงท่อนอินโทรที่ไม่ดีของคุณให้เป็นท่อนท่อนโซโล่ที่สุดมันไปซะเลยหร่ะ
    ดังนั้นแล้วเมื่อคุณต้องพบเจอกับสิ่งใดที่มันเป็นอุปสรรค หรือสิ่งใดที่ไม่สมดังใจหวัง ก็ขอให้คุณรู้ไว้ว่า คุณกำลังฟังท่วงทำนองของบทเพลงที่แสนเศร้า บทเพลงที่ทำให้คุณซึ้งและบางครั้งทำให้คุณต้องเสียใจ เพราะเมื่อคุณได้ยินท่วงทำนองนี้อีกครั้งเมื่อใด คุณจะรู้ได้เลยว่าคุณเข้มแข็งมากขึ้น คุณจะสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น  แล้วถ้าเมื่อใดที่คุณมีความสุข คุณหัวเราะและร่าเริง ก็ขอให้คุณจดจำท่วงทำนองที่มีความสุขเหล่านี้ไว้ เพื่อให้คุณรู้ไว้ว่า เมื่อใดที่คุณเสียใจ คุณก็ยังสามารถเลือกบทเพลงแห่งความสุขเหล่านั้น เพื่อเปิดมันขึ้นมาใหม่ และสนุกไปกับมันอีกครั้งหนึ่งได้แล้วซักวันหนึ่งท่วงทำนองของบทเพลงทั้งหมดนี้นั้นก็จะรวมกันจนกลายเป็นอัลบั้มของตัวคุณเอง เป็นอัลบั้มที่คุณเป็นผู้แต่งมันขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง และคุณยังสามารถส่งต่อความไพเราะและความสวยงามให้กับผู้ฟังได้อีกมากมาย ฉนั้นแล้วจงเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตของคุณเถิด จงมีความกล้าที่จะลุกขึ้นยืนเถิด เพราะในทุกๆครั้งที่คุณก้าวเดินไป อย่างน้อยคุณก็ยังมีท่วงทำนองแห่งชีวิตนี้เป็นผลงานอันมีค่า ที่คุณได้เป็นผู้แต่งมันขึ้นมา

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รอยยิ้ม

    อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่คนสองคนได้เจอกัน แต่เวลาเรายิ้มให้กันนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มนุษย์ทุกคนล้วนมีเพื่อน มีพ่อแม่ และคนที่เรารัก คุณคงจะไม่ปฏิเสธแน่ๆ ถ้าผมจะบอกว่ามนุษย์ทุกคนล้วนชอบคนที่นิสัยดี คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีน้ำใจ คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้หรือรู้จักกับคนที่นิสัยไม่ดี ขี้โมโห และเห็นแก่ตัวเป็นแน่แท้ ดังนั้นแล้วในบทความนี้ผมจึงอยากจะบอกเคล็ดลับบางอย่างให้กับคุณ เคล็ดลับที่จะทำให้คุณเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าคบหา เป็นเคล็ดลับที่ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจนคุณก็สามารถนำมันออกมาใช้ได้ นั่นก็คือ


                                  "รอยยิ้ม"


    มันช่างเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาและไม่น่าจะเป็นเคล็ดลับอะไรได้เลย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการที่คุณส่งยิ้มที่จริงใจให้กับใครซักคนนั่นหมายความว่าคุณเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีและมันบ่งบอกว่าคุณกำลังมีความสุข!!! ดังนั้นแล้วเมื่อกำลังทุกข์หรือรู้สึกไม่ดีต่างๆนานา จงอย่าคิดมากและกลุ้มใจอยู่คนเดียว แต่จงหาเรื่องสนุกๆทำ หารายการที่ตลกๆและผ่อนคลายดู เพราะเมื่อคุณยิ้มออกมาได้ คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าหากคุณรู้สึกว่าคุณยังอมทุกข์จนกระทั่งคุณไม่สามารถที่จะฉีกยิ้มออกมาได้ ผมก็มีวิธีดีๆมาแนะนำ

    1. ให้นึกถึงเรื่องที่คุณมีความสุขมากที่สุด เรื่องตลกที่คุณชอบ มุขเสี่ยวๆที่คุณเล่น หรือเหตุการณ์ตอนที่คุณโก๊ะสุดๆ
    2. เวลาที่คุณอายไม่กล้าส่งยิ้มให้กับใคร นั่นแสดงว่าคุณอาจขาดความมั่นใจในตัวเอง และวิธีแก้ก็มีดังนี้
  - เมื่อคุณส่องกระจกให้บอกกับตัวเองด้วยความมั่นใจในเชิงบวกเช่น คนอะไรโคตร!!!หน้าตาดีเลย หรือ เท่ห์กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นต้น การที่คุณบอกตัวเองซ้ำๆแบบนี้ทุกครั้งมันไม่ได้เป็นการโกหกตัวเอง แต่มันเป็นการบอกตัวเองต่างหากว่าคุณคิดเช่นไรกับตัวเองอยู่ ถ้าคุณยังสงสัยผมจะสมมติว่าคุณกำลังจะประกวดร้องเพลง แล้วคุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณกำลังจะขึ้นเวทีหร่ะ!!! ใช่แล้วหร่ะครับคุณก็ต้องบอกตัวเองว่าคุณทำได้ คุณมั่นใจ ฉนั้นแล้วจึงมีเพียงตัวคุณเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้
  - ให้คิดว่าคุณเป็นคนที่ร่ำรวย แต่ไม่ใช่รวยเงินทองหรอกนะครับ มันคือรวยเสน่ห์ต่างหาก ถ้าหากคุณคิดว่าคุณมีเสน่ห์เหลือล้น คุณก็จะมั่นใจในตัวเองได้
    3. อีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าหากคุณเสียใจมากจนไม่รู้จะยิ้ม หัวเราะ หรือกลับมาร่าเริงได้อย่างไร มันก็ไม่ยากครับ แค่คุณพูดคุยกับเพื่อนของคุณ ปรึกษาเพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้ของคุณ พอคุณได้ระบายบางสิ่งบางอย่างออกไปแล้ว คุณก็จะรู้สึกดีขึ้น
    

    และนี่ก็เป็นตัวอย่างข้างต้น ผมรับรองได้เลยว่าเมื่อคุณทำอย่างที่ผมบอกจนเคยชินแล้วหร่ะก็ คุณก็สามารถเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น และที่สำคัญร่าเริง แจ่มใสแน่นอน!!!

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ความสุขอยู่หนใด?

    หลายคนมีความสุขที่ได้รักใครซักคน หลายคนมีความสุขที่ได้สิ่งของหรือเงินทองตามที่ต้องการ ความสุขบางอย่างคุณสามารถใช้เงินซื้อมันมาได้ แต่ความสุขบางอย่างต่อให้มีเงินมากมายเพียงใดคุณก็ไม่สามารถซื้อหามันมาได้ บางคนมีความสุขมากมายที่ได้ดั่งใจตัวเองต้องการ บางคนมีความสุขมากมายที่ได้รักกับใครซักคน แต่น้อยคนนักที่จะมีความสุขกับการรักตัวเอง น้อยคนนักที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปในแต่ละวัน ดังนั้นแล้ววันนี้ผมจึงอยากจะพาเพื่อนๆร่วมเดินทางไปด้วยกัน เพื่อค้นหาอัญมณีเม็ดงามที่ยากจะรักษาไว้ให้อยู่กับตัวเพราะเมื่อเราได้มันมาครอบครองมันก็รู้สึกว่าช่วงเวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน และเมื่อเราเสียมันไปเราก็แสนทุกข์ทรมานใจ เพราะเหตุนี้จึงเป็นที่มาของตอนที่ชื่อว่า




                                     " ความสุขอยู่หนใด? " 




    ผู้คนมากมายมีความสุขกับการได้รับ ในขณะที่มีแค่บางคนเท่านั้นที่มีความสุขในการเป็นผู้ให้ ผู้คนมากมายเอาความสุขของตัวเองไปฝากไว้กับคนอื่น ในขณะที่มีแค่บางคนเท่านั้นที่จะเก็บความสุขไว้กับตัวเอง คุณเคยรักใครซักคนซักคนแล้วต้องอกหักเสียใจมั้ยครับ? คุณเคยอยากได้อะไรมากๆแล้วไม่ได้มั้ยครับ? ใช่แล้วหร่ะครับ มันช่างเสียใจและทุกข์ทรมาน ราวกับว่าสิ่งที่สร้างที่ฝันกันมามันพังลงไปในพริบตา แล้วอะไรหร่ะคือความสุขที่แท้จริง? แล้วความสุขที่แท้จริงมันอยู่หนใด? ดังนั้นผมจึงมีนิทานเรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟัง เป็นนิทานที่สามารถบอกคุณได้ว่าความสุขที่แท้จริงแล้วซ่อนอยู่หนใด
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเทพเจ้าองค์หนึ่งได้เก็บความสุขเอาไว้ที่สุดขอบโลก เป็นที่ๆซึ่งห่างไกลและยากที่จะไปถึง แต่เมื่อเหล่ามนุษย์ได้รู้ความลับนี้ต่างก็เดินทาง ต่อสู้ แย่งชิง และฆ่าฟันกัน เพื่อที่จะได้ความสุขมาครอบครอง ดังนั้นแล้วเทพเจ้าจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถซ่อนความสุขเอาไว้ไม่ให้คนที่ไม่คู่ควรได้ความสุขไปครอบครอง ดังนั้นแล้วเทพเจ้าจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถซ่อนความสุขไว้ไม่ให้คนที่ไม่คู่ควรได้มันไปครอบครอง ก็มีเทพองค์หนึ่งบอกว่า "ก็เอาไปซ่อนไว้บนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกสิ" เทพอีกองค์หนึ่งจงบอกว่า "ไม่ได้หรอกเพราะไม่ว่ายังไงก็จะมีมนุษย์ขึ้นไปจนถึงอยู่ดี" เทพอีกองค์หนึ่งจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปซ่อนไว้ใต้ทะเลลึกซะสิ" เทพองค์เดิมก็ตอบว่า "ยังไงซะ มนุษย์ก็ยังมีความพยายามพอที่จะไปควานหาความสุขจนพบ แล้วพวกเราจะทำยังไงดีถึงจะเก็บความสุขนี้ไว้ให้กับคนที่คู่ควรได้" เมื่อเป็นดังนั้นแล้วเทพอีกองค์หนึ่งก็พูดออกมาว่า "เราคิดออกแล้ว!!! ในเมื่อเหล่ามนุษย์ต่อสู้ ฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงความสุขมา เราก็เอาความสุขไปซ่อนไว้ในใจของมนุษย์ทุกๆคนซะเลยสิ"
    ใช่แล้วหร่ะครับ!!! ความสุขที่แท้จริงแล้วมันซ่อนอยู่ในใจลึกๆของเราทุกคน และไม่ว่าเราจะรวยจะจนเราก็สามารถมีความสุขในแบบฉบับของเราได้ คุณเคยรู้สึกมั้ยว่าทำไมว่าเราเลิกกับแฟนคนเก่าแล้วเราได้พบเจอกับคนใหม่ชีวิตเราก็กลับมีความสุขขึ้นมากอีกครั้งและในบางครั้งมันมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก ในบางครั้งเราผิดหวังกับบางสิ่งแต่เราไม่รู้สึกเสียใจ แต่กลับบางสิ่งเราเสียใจมาก นั่นก็เพราะคุณเอาความสุขไปขึ้นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างหรือคนบางคนมากจนเกินไป คุณเอาความสุขไปขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้มากจนเกินไป จนลืมไปแล้วว่ามีเพียงตัวคุณคนเดียวเท่านั้นที่คอยกำหนดความสุขนั้นขึ้นมา คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมเวลาที่คุณได้สิ่งใดอย่างที่ใจเราต้องการคุณช่างมีความสุข แต่พอเวลาผ่านไปความสุขความสุขของคุณเริ่มลดน้อยลงไปทุกที คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมเวลาคนรักของคุณบอกรักคุณแล้วคุณช่างมีความสุขเหลือเกิน แต่กลับพ่อแม่ที่เลี้ยงคุณมา พอท่านบอกรักคุณแต่คุณกลับรู้สึกเฉยๆ
    นี่หร่ะครับคือเหตุผลว่าทำไมชีวิตของคุณถึงยังหาความสุขที่แท้จริงไม่เจอซักที นั่นก็เพราะคุณไม่ได้กำหนดหรือสร้างความสุขนั้นขึ้นมา แต่คุณกลับเอาความสุขของคุณไปฝากไว้กับคนอื่นหรือสิ่งของมากจนเกินไป จนกระทั่งคุณสูญเสียตัวตนของคุณเองไป จนกระทั่งเมื่อคุณผิดหวังหรือไม่ได้สมดั่งใจคุณก็เป็นทุกข์ขึ้นมา แล้วคุณก็ได้แต่มานั่งพร่ำเพ้อว่าเสียใจ ผิดหวัง และรู้สึกว่าชีวิตนี้น่าเศร้ายิ่งนัก แต่คุณคงจะลืมไปแล้วว่าถ้าใจของคุณพูดได้มันก็คงจะพูดว่า "ฉันนี่สิน่าเศร้ายิ่งกว่า ฉันอยู่กับเธอมานานแสนนานแต่เธอกลับไม่เห็นคุณค่าของฉัน ฉันคอยอยู่ปลอบใจเธอยามที่เธอโดเดี่ยวมาตั้งมากมายแต่สิ่งที่เธอทำให้กับฉันคือการเฉยเมยต่อฉัน" ฉนั้นแล้วจงรู้ไว้เถอะึครับว่าตัวของคุณ ใจของคุณ และจิตวิญญาณของคุณ นั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะตราบใดที่ไม่มีคนรักคุณ คุณก็ยังมีใจของคุณคอยอยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นแล้วจงมีความสุขกับชีวิตในแบบของตัวคุณเอง จงสร้างความสุขขึ้นมาจากตัวคุณเองไม่ใช่คนอื่น และที่สำคัญจงรักตัวคุณเองให้มากๆเพราะถ้าตัวคุณเองยังไม่มีความสุขเลย แล้วคุณจะสามารถทำให้ใครมีความสุขไปพร้อมกับตัวคุณได้หร่ะครับ!!!

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

จุดหมายปลายทาง

    คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมนักกรีฑาถึงต้องวิ่งเข้าเส้นชัย? คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมกีฬาฟุตบอลถึงมีเวลาแค่ 90 นาที? ใช่แล้วหร่ะครับเพราะมันคือจุดหมายปลายทางของการต่อสู้และฝ่าฟัน ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน คนเราเกิดมาพบเจอปัญหาและอุปสรรคมากมาย ชีวิตคนเราต้องต่อสู้และดิ้นรนต่างๆนานา ต่างคนต่างก็พบเจอบททดสอบของชีวิต คนที่อยากสอบเข้ามหาลัยหรือโรงเรียนดีๆต่างก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือ คนที่ทำงานแล้วอยากเลื่อนตำแหน่งหรืออยากมีรายได้เยอะๆต่างก็ต้องตั้งใจทำผลงาน ในบางครั้งเราอาจจะพบเจอกับปัญหาที่ไม่คาดคิด ในบางครั้งเราอาจจะต้องผิดหวังและเสียใจ แต่ถ้าเรามุ่งมั่นให้กับจุดหมายของเราแล้วหร่ะก็ซักวันชัยชนะนั้นต้องเป็นของเรา
    จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากีฬาบาสเก็ตบอลแข่งขันกันโดยไม่มีแป้น? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแข่งขันตีกอล์ฟแต่ไม่มีหลุม? มันก็คงไม่ต่างจากชีวิตของเราที่ไร้ซึ่งจุดหมายและทิศทาง ไม่แปลกเลยที่ทำไมคุณเริ่มสงสัยในสิ่งที่คุณกำลังทำ ไม่แปลกเลยที่ทำไมคุณรู้สึกเหมือนเดินหลงทางเพราะคุณขาดจุดมุ่งหมาย ขาดแรงบันดาลใจ เมื่อไร้ซึ่งจุดมุ่งหมายมันก็เหมือนคุณหลงป่า ที่ไม่รู้ว่าตัวคุณจะเดินไปในทิศทางใด เมื่อคุณไม่กำหนดเส้นชัยของตัวเองมันก็เหมือนคุณใช้ชีวิตไปวันๆ นอนหลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตแค่ผ่านไปอีกวัน แต่ถ้าหากชีวิตของคุณมีจุดหมายมันก็เหมือนคุณกำลังเดินป่าแต่มีเข็มทิศ มันก็เหมือนเวลาคุณเจออุปสรรค ขวากหนามคอยขวางกั้นแต่คุณมีมีดดาบ คุณจะไม่กลัวและเหน็ดเหนื่อยเลย เมื่อเป้าหมายของคุณชัดเจน คุณจะไม่รู้สึกว่าคุณหลงทางเลยเมื่อคุณมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่เส้นชัย แม้ในบางครั้งเส้นชัยอาจจะไกล หนทางอาจจะขรุขระ แต่นั่นมันก็คือบททดสอบจิตใจของเรา บททดสอบความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของเราเพราะไม่มีของล้ำค่าสิ่งใด ได้มาอย่างง่ายดาย โดยที่เราไม่ต้องออกแรงหรอกนะ!!!
    เราต่างก็รู้ว่าความสำเร็จนั้นต้องแรกมาด้วยความพยายาม ต้องแลกมาด้วยความสามารถ เพราะว่าเราจะไม่ได้ในสิ่งที่เรามองหา แต่จะได้ในสิ่งที่เราคู่ควร ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมนักกีฬาถึงต้องฝึกซ้อมกันอย่างหนักทุกวัน เพราะแต่ละเป้าหมายในชีวิตมันต้องใช้ทั้งแรงกายที่เข้มแข็ง เพียรพยายามและแรงใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เพราะเส้นทางที่คุณก้าวไปจะต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆมากมายที่เป็นเหมือนกับคู่แข่งของคุณ ต้องพบเจอกับบททดสอบมากมายที่พร้อมจะทำให้คุณยอมแพ้ได้ทุกเวลา ฉนั้นแล้วถ้าคุณไม่ฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ถ้าคุณไม่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา มันก็เหมือนนักมวยที่ไม่มีความพร้อมเมื่อสู้กันคุณก็มีแต่จะโดนเขาน็อค!!!
    ฉนั้นแล้วถ้าคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้วหร่ะก็ คุณก็ไม่ต้องกลัวหรือกังวลใจไปเลยในสิ่งที่มันผิดพลาดหรือล้มเหลว เพราะว่าความล้มเหลวจะสอนให้เราได้เรียนรู้และเติบโตมากขึ้น จะทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น เมื่อคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนคุณจะไม่ย่อท้อต่อปัญหาโดยง่ายดาย คุณจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เพราะภาพความสำเร็จมันช่างแสนหวานและมีความสุข ดังนั้นแล้วผมก็อยากจะขอให้คุณจงมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป จงมุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงจุดหมาย ให้มันรู้ไปเลยว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น!!! 

Read More......

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องล้มเหลวของคนดัง

    " ใครบ้างที่ำไม่เคยพบเจอกับอุปสรรคและปัญหาในชีวิต ใครบ้างที่การเดินของชีวิตช่างโรยด้วยกลีบกุหลาบและแสนหวาน ถ้าหากชีวิตของคุณต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆ ถ้าหากชีวิตของคุณล้มเหลวมามากมาย จนคุณหมดเรี่ยวแรงและกำลังจะไปต่ิอ ผมก็มีเรื่องราวดีๆของคนมีชื่อเสียงมาฝากคุณ บุคคลบางท่านอาจจะพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคในชีวิตที่มากกว่าท่านก็เป็นได้ ผมอยากจะขอฝากบทความนี้เป็นกำลังใจให้กับใครอีกหลายๆคน เป็นข้อคิดให้กับคนที่หมดไฟให้มีไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง "








































    คุณรู้หรือไม่ครับว่าบุคคลแต่ละท่านมีสิ่งใดแต่งต่างจากคุณ? คำตอบคือไม่มีเลยครับ ทุกคนมีสองมือและสองเท้าเหมือนกับคุณ มีสองตาและหนึ่งปากเหมือนกันกับคุณ แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนกันคือความมุ่งมั่น และความพยายาม ดังนั้นแล้วผมจึงอยากจะให้คนที่ล้มอยู่ได้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ คนที่ท้อแท้อยู่ได้มีกำลังใจเพราะไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆโดยที่เราไม่พยายาม


                                                        ขอบคุณรูปภาพจาก www.atcloud.com/stories/66065
                                       

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

"ดีพอ" หรือ "พอดี"

    ใครเคยรู้สึกบ้างว่าบางสิ่งที่เราทำไปนั้นมันยังไม่ดีพอสำหรับใครบางคน บางสิ่งที่เราทุ่มเทไปนั้นมันยังไม่มากพอ มันเหมือนดังว่ายิ่งเราพยายามทำให้มันดีมากขึ้นเท่าไหร่สิ่งๆนั้นก็ยิ่งหนีไปห่างไกล สิ่งที่เราได้รับกลับกลายเป็นการบั่นทอนจิตใจและกำลังใจของเราแทน หลายครั้งเราหมดกำลังใจที่จะไปต่อ เราเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งที่เราพยายามทำลงไปเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด จนลืมไปว่าความพอดีอยู่ที่ไหน วันนี้ผมจะมาเตือนความจำของคุณซึ่งคุณอาจจะลืมมันไปแล้วก็เป็นได้และคุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน ระหว่าง...


                        
                                            "ดีพอ" หรือ "พอดี"


    คุณเคยทำอะไรดีๆเพื่อบางคนบ้างมั้ย? คุณเคยทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อเป้าหมายของคุณบ้างมั้ย? ใช่แล้วหร่ะครับ เราทุกคนล้วนเคยทำมันบางคนทำดีให้กับคนๆนึงมากมาย แต่กลับไม่เคยเหลียวแลคนใกล้ตัวของตัวเองเลย บางคนมุ่งมั่นให้กับงานมากมาย แต่กลับไม่เคยสนใจคนที่คอยเวลาจากตัวคุณเลย ชีวิตมันไม่ได้มีแค่ด้านๆเดียวหรอกนะ มันไม่ได้มีแค่ความรักหรือแค่การงาน การเรียนอย่างเดียว มันยังมีมุมมองอีกมากมายที่คุณละัเลยมันไป ชีวิตคนเราก็เหมือนกับอาหาร ถ้าหวานเกินไปมันก็เลี่ยน ถ้าเค็มเกินไปมันก็กินไม่ได้ และก็มีเพียงตัวคุณคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแต่งเติมรสชาติืให้กับชีวิตของคุณได้ ให้ชีวิตของคุณเอร็ดอร่อย!!!
    คุณเคยสงสัยบ้างมั้ย ว่าทำไมเวลาคุณมีความสุขและไม่กังวลใจในบางสิ่งจนเกินไป โลกมักจะน่าอยู่ ชีวิตนี้ช่างมีความสุข และแสนหวาน คนรอบข้างมักจะเข้าหาคุณ หัวเราะ และยิ้มแย้มไปกับคุณ คุณจะรู้สึกว่าคุณนั้นสามารถแบ่งปันอาหารอันเลิศรสที่คุณบรรจงปรุงแต่งมันขึ้นมาให้กับคนอื่นได้ นี่หร่ะครับมันคือรสชาติในชีวิตที่มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการได้รับ ชีวิตที่ไม่เครียดเกินพอดี ชีวิตที่ไม่ไล่ตามเกินไป เป็นชีวิตที่สมดุล 
    แม้ในบางครั้งคุณอาจจะทุ่มเทให้กับงานมากไปจนลืมพักผ่อน บางครั้งคุณทำดีให้กับคนที่คุณรักมากไปจนลืมรักตัวเอง แต่มันก็ไม่มีคำว่าสายจนเกินไปที่คุณจะกลับมาปรับปรุงรสชาติให้กับชีวิต มันไม่สำคัญว่าคุณจะต้องทำให้คนบางคนมารักคุณจนลืมตัวเองไป แต่มันสำคัญที่ความพอดี มันสำคัญที่ตัวคุณเอง คุณมีความสุขมากเพียงใดที่ได้ทำในสิ่งต่างๆ คุณมีความสุขมากเพียงใดที่ได้รักใครซักคน มันไม่ผิดหรอกครับที่คุณจะไล่ตามความฝัน มันไม่ผิดหรอกครับที่คุณจะรักใครซักคน แต่ถ้าสิ่งที่คุณทำลงไปมันเกินความพอดีจนทำให้คุณเครียด และเหน็ดเหนื่อยใจ จนทำให้คุณเสียใจ ทำไมไม่ปล่อยบางสิ่งบางอย่างเพื่อหันกลับมากอดตัวคุณเอง!!!
    เรื่องบางเรื่องเราสามารถควบคุมได้ แต่เรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ ฉนั้นเรื่องที่คุณควบคุมได้ทำไมคุณไม่ควบคุมซะหร่ะและปล่อยวางให้กับเรื่องที่คุณควบคุมไม่ได้ไป แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตคนเรายังมีด้านที่ดีๆอีกมากมาย คุณจะรู้ว่าตัวคุณนั้นสามารถเป็นหรือทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด เพียงแค่คุณทำให้แต่ละด้านของชีวิตรู้จักกับคำว่า "พอดี" สุดท้ายผมก็อยากฝากคำกลอนซักหนึ่งกลอน เพื่อเตือนใจให้กับคุณ ให้คุณได้รู้ว่าคุณนั้นสามารถใช้ชีวิตบนความพอดีได้อย่างไร

                               ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา…
                               จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
                               ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
                               แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ

Read More......

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

"ของขวัญ(Present)"แห่ง"ปัจจุบัน(Present)"

    บ่อยครั้งที่เราคิดถึงอดีต คิดถึงคนที่เรารักและจากกันไป คิดถึงช่วงชีวิตที่มีความสุข สมหวังต่างๆนานา และได้แต่นั่งพร่ำเพ้อแล้วเสียดาย ถ้ามีโอกาสอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขมัน "แต่เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้" และบ่อยครั้งที่เราได้แต่หวังให้ใครซักคนที่รู้ใจ ใครซักคนที่มีความหมายได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต รอคอยโอกาสดีๆให้ผ่านเข้ามา "แต่เราต่างก็รู้ว่านั่นคือเรื่องของอนาคต" และวันนี้ผมก็อยากจะนำเสนอแนวคิดดีๆ หนทางที่ดี และรางวัลที่แสนล้ำค่าที่สุด ที่มีอยู่ในใจคุณทุกคน เป็นของขวัญที่ไม่ว่าวันไหนๆคุณก็สามารถให้และรับมันมาได้ นั่นก็คือ...


             "ของขวัญ(Present)"แห่ง"ปัจจุบัน(Present)"

    ถูกต้องแล้วครับ... ณ ปัจจุบันนี่หร่ะคือของขวัญอันล้ำค่า เพราะหลายครั้งเรากังวลใจกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เราคาดหวังในอะไรหลายอย่างมากมายจนลืมไปว่าปัจจุบันเรามีอะไรอยู่บ้าง ปัจจุบันเราเดินมาไกลจากอดีตแค่ไหน เราได้พัฒนาและปรับปรุงตัวเองมากน้อยเพียงใด คนบางคนรอคอยให้เป้าหมายในชีวิตเดินมาหา แต่คุณอย่าลืมสิ!!! เป้าหมายไม่มีขา มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่มีขาทำไมไม่เดินเข้าไปหามันหร่ะ แทนที่จะนั่งรอคอยอนาคต พร่ำเพ้อและอ้อนวอนอย่างกับว่าจะมีใครนำมันมาให้คุณ ทำไมคุณไม่เลือกที่จะลงมือทำ ไม่เลือกที่จะก้าวเดินเพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้หร่ะ บ่อยคร้งที่คุณเจอกับปัญหามากมายและเหมือนว่าจะมีขวากหนามคอยขวางกั้น แต่ถ้าคุณไม่ฝ่าฟันคุณจะรู้มั้ยว่าเส้นชัยนั้นสวยงามเพียงใด ถ้าคุณไม่เริ่มก้าวเดินจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นชัยไกลเพียงใด เพราะฉนั้นแล้วจงใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันเถิด เลิกทำเหมือนว่าสิ่งที่คุณหวังมันจะมาหาคุณเองซักทีเถอะ!!! และถ้าหากการก้าวเดินของคุณรู้สึกหวั่นไหว จิตใจรู้สึกอ่อนแรง โปรดจงรู้ไว้ "เมื่อมีปัญหา ปัญญาย่อมเกิด" ถ้าคุณดูภาพยนต์ผจญภัยเรื่องต่างๆคุณก็คงจะเห็นอุปสรรคมากมายกว่าที่พระเอกจะพบกับจุดหมายปลายทาง แล้วคุณหร่ะ ได้เริ่มสร้างตำนานของตัวเองแล้วหรือยัง ได้เริ่มต้นการผจญภัยของตัวคุณเองแล้วหรือยัง....
    คุณเคยนึกเสียดายวัน เวลา และโอกาสดีๆในอดีตไหมครับ? ใช่แล้วหร่ะครับผมก็เคยเสียดายวันเวลาในอดีตที่เราเรามีโอกาสแต่ไม่ได้คว้าเอาไว้ แล้วคุณเคยดีใจกับเหตุการณ์ร้ายๆในอดีตที่คุณเคยผ่านมาได้มั้ยครับ? ใช่แล้วมันเป็นช่วงที่โหดสุดๆไปเลย ผมเองก็เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ผมจำได้ถึงตอนที่ผมทำในสิ่งที่ผมรัก แต่กลับถูกปฏิเสธ ถูกต่อต้าน และถูกตำหนิ มันทำให้ผมแย่กับตัวเองมากๆเลย ทำไมหนอ...สิ่งที่เราทำเพื่อคนที่เรารักกลับถูกเขามองว่าไม่ดี แต่ผมก็ผ่านมันมาได้และผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมรักสมใจ เพราะฉนั้นแล้วจงอย่าเสียดายอดีตที่ผ่านไปแล้วและอย่ายึดติดกับมัน แต่จงดีใจและเรียนรู้จากมันเพราะถ้าไม่มีอดีตที่ขมขื่น อดีตที่แสนหวานแล้วหร่ะก็มันก็คงไม่มีตัวคุณคนนี้ในปัจจุบันอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ผมจะบอกคุณก็คือจงอย่ายึดติดกับอดีตถึงแม้ว่าบางสิ่งในอดีตมันช่างแสนสุขและยากที่จะลืมมันไปได้ แต่คุณอย่าลืมว่ามันได้ผ่านไปแล้วและมันไม่มีวันหวนกลับมา เมื่อคุณจมอยู่กับมันๆก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา สิ่งที่คุณเสียไปหรือไม่สมหวังก็ไม่หวนกลับมา แต่ปัจจุบันนี่สิ!!! คุณคือคุณ คุณคือคนที่นั่งอ่านอยู่ตรงนี้ ทำไมคุณไม่ทำปัจจุบันของคุณให้สมหวังขึ้นมาใหม่หร่ะ ทำไมคุณไม่แต่งเติมเรื่องราวที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม่หร่ะ แทนที่จะเสียใจและจมอยู่กับมันคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเป็น...กระต่ายที่นอนรอหรือเป็นเต่าที่เข้าเส้นชัย
    ทั้งหมดนี้มันก็คือของขวัญของคุณ ของคุณเท่านั้นและมันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะัเลือกเปิดมาเพื่อพบเจอกับอะไรในกล่องของขวัญนี้ จะเปิดมาเจออนาคตที่เพียงแค่รอให้เป้าหมายเดินมาหา หรือเปิดมาเจออดีตที่คุณได้ผ่านเลยมันมาแล้ว แต่ยังยึดติดกับมันจนคุณไม่ยอมไหนซักที หรือ!!! จะเปิดมาแล้วพบกับปัจจุบันๆที่คุณเลือกลิขิตชีวิตตัวเองได้ ปัจจุบันที่คุณเลือกได้ว่าจะใส่ท่วงทำนองอะไรลงไปในจังหวะชีวิตของคุณเอง ปัจจุบันที่คุณเลือกได้ว่าควรจะปล่อยวางอดีตแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ซักที และทั้งหมดนี้เป็นของขวัญและเป็นรางวัล แด่ทุกคนที่มีอดีตเป็นพื้นหลัง ปัจจุบันคือที่มั่น และอนาคตคือฟ้ากว้าง

Read More......

Who Am I ?

    สวัสดี สวีดัส !!! คุณเคยคิดมั้ยว่าทำไมเวลาแห่งความสุขมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน แต่เวลาแห่งความทุกข์มันช่างช้าเหลือหลาย แต่ไม่ว่าจะมีช่วงทุกข์หรือสุขก็ต้องขอขอบคุณเวลาที่นำพาผมมาพบกับคุณ นามของผมคือ  "Croix"  คุณรู้หรือไม่ว่าคนเราอาจบังเอิญได้เจอกันแต่ไม่บังเอิญที่จะยิ้มให้กันและนี่คือข้อดีของผมเพราะผมมักจะยิ้มและหัวเราะอยู่ตลอดเวลา ชอบเล่นมุขตลกและคอยให้กำลังใจเพื่อนอยู่เสมอ เป็นคนคุยเก่งจนบ้างครั้งก็น่ารำคาญ ผมเชื่อเหลือเกินว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งผมก็เหมือนกับพวกคุณทุกคนแต่ข้อเสียของผมคงไม่ใช่ว่าผมหน้าตาดีเกินไปหรือหล่อเกินห้ามใจ แต่มันคือความขี้กลัวและไม่กล้าแสดงสิ่งดีๆของตัวเองออกมา ครั้งหนึ่งผมเคยแอบชอบผู้หญิงคนนึงแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุย แม้กระทั่งสบตาผมยังกลัวเลย คุณผู้ชายหลายคนเคยเป็นแบบผมมั้ย? แต่นั่นไม่สำคัญหรอกครับเพราะมนุษย์ทุกคนล้วนสามารถปรับปรุงตัวเองได้ ล้วนเลือกที่จะมีข้อดีมากกว่าข้อเสียได้เพียงแค่คุณลงมือทำ!!! และนี่ก็คือหนึ่งในข้อเสียของผม
    ดังนั้นแล้วผมจึงอยากจะรู้จักกับคุณไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ น่าตาเป็นอย่างไร ฐานะร่ำรวยหรือล่อแล่นั่นไม่สำคัญเพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่สนิทและเป็นเพื่อนที่พร้อมจะปรึกษากันในทุกๆเรื่องและพร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์ แนวคิด และความสำเร็จในชีวิต ปัญหาภาระต่างๆนานา สิ่งใดหนักใจจงระบายให้กันฟัง อย่าเก็บมันไว้คนเดียวเพราะพวกเราคือเพื่อนกัน!!! และถ้าคุณรู้สึกโดดเดี่ยวหรืออ้างว้างต้องการคนปลอบใจ คุณก็มาถูกที่แล้ว ผมรับรองว่าสิ่งที่ผมได้เขียนขึ้นมามันไม่แค่เพียงแบ่งปันแนวคิดและประสบกาณ์ แต่จะทำให้ทุกคนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและกล้าที่จะลงมือทำ ทำในสิ่งที่คนอื่นกลัว ทำในสิ่งที่สร้างสรรค์และดีงาม
    ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร และสามารถเปิดใจดวงน้อยๆรับผมเข้าไป ให้เราได้รู้จักกันให้เราได้แบ่งปันทั้งความทุกข์และความสุข แต่ถ้าหากคุณไม่ต้องการและรู้สึกว่ารอบข้างคุณช่างรายล้อมด้วยความสุขก็ให้ลืมผมไปซะ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นเพียงแค่ลมที่พัดเข้ามาในชีวิตคุณ ผมไม่ได้ต้องการเป็นอากาศที่ขาดแล้วจะตาย แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่ายามใดที่คุณอ่อนแอ ท้อแท้ และรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวจงจำไว้เสมอว่าจะมีผมเป็ลมพัดใจคุณ

                                                                                                    ยินดีที่ได้รู้จัก

Read More......

ที่มาของ Blog

   ถ้าคุณยังไม่รุ็ว่าวันเวลาผ่าน ไปไวแค่ไหน? คุณก็แค่ลองมองย้อนกลับไปในอดีตบางเหตุการณ์ก็เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน บางเหตุการณ์เหมือนจะลืมเลือนไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีต อดีตที่ผ่านไปไม่สามารถหวนกลับมา อดีตที่ทั้งทุกข์และสุข ทั้งอยากลืมและอยากจำ ผมยังจำได้ถึงครั้งนึงที่ผมได้มีช่วงเวลาที่แสนสุขกับเพื่อนๆ ได้กลายเป็นยอดมนุษย์ที่ปราบเหล่าร้าย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เหมือนเกิดขึ้นไม่นานและผมก็ยอมรับว่าอยากกลับไป เป็นเด็กอีกครั้ง กลับไปเป็นวัยที่มีแต่ความสนุกสนานและไร้ซึ่งกังวล แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เรายังคงเติบโตและก้าวไปข้างหน้าทุกวัน ถ้าวันนี้ไม่ลงมือทำอะไรพรุ่งนี้ก็จะผ่านเข้ามา นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกเพื่อนทุกคน ว่าเวลายุติธรรมและไม่เลือกเข้าข้างใคร เพราะฉนั้นแล้วถ้ามีสิ่งใดอยากจะทำแต่ยังไม่กล้า แต่มีคนที่ชอบแต่ยังกลัวที่จะทำความรู้จัก มีไอเดียสุดยอดแต่ยังไม่ทำ วันเวลาก็จะผ่านเลยไป ผมจึงต้องช่วยคุณจับมือกับคุณขยับความกล้า พิชิตความกลัวและลุกขึ้นมาเอาชนะมันให้ได้
    เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อคุณ ลงมือทำบางอย่างคุณจะต้องพบ เจอกับอุปสรรค ในบางครั้งมันก็ทำให้คุณท้อแท้ใจและอยากจะล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่ จนบางครั้งทำให้คุณเสียน้ำตารู้สึกล้มเหลวในชีวิต แต่คุณจงอย่าลืม อย่าลืมตัวตนของคุณว่าคุณเป็นใครห้าวหาญเพียงใด คุณรู้หรือไม่แค่คุณกล้าที่จะลงมือทำคุณก็มีชัยชนะมากกว่าคนที่เพียงแค่คิด อย่างเดียวแล้ว ฉนั้นถ้าคุณท้อแท้จงหยัดยืน ถ้าคุณล้มเหลวจงลุกขึ้นมาใหม่ ไม่มีผู้ชนะคนใดยอมล้มเลิกในเป้าหมายของตัวเองง่ายๆหรอกนะ และถ้าชีวิตนี้ล้มเหลวมาโดยตลอด ชีวิตนี้สินหวังและตายซาก ผมก็มีเรื่องเล่าเรื่องนึง เป็นเรื่องเล่าของคนๆนึงและคนๆนั้นก็คือตัวคุณ!!!
    คุณยังจำตอนที่คุณเกิดมาได้หรือไม่? คุณคงจำได้หรือไม่ก็ลืมมันไปแล้ว และสิ่งที่ผมจะบอกคุณถึงชัยชนะึครั้งแรกในชีวิตของคุณก็คือ "การก้าวเดิน" คงไม่มีทารกคนไหนเกิดมาแล้วเดินได้เลยหรอกนะ กว่าคุณจะเดินได้คุณต้องรวบรวมความกล้าหาญมากแค่ไหน ต้องพยายามยืนหยัดมากแค่ไหน บ่อยครั้งที่คุณล้มลงแต่คุณก็ไม่ละความพยายาม คุณไม่ละความพยายามจนกระทั่งคุณยืนขึ้นมาได้ หลังจากนั้นคุณก็เริ่มก้าวเดิน ก้าวแรกอาจพลาดล้มลงบางครั้งร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแต่คุณก็ไม่ยอมแพ้ยังคง รวบรวมความกล้ายืนขึ้นอีกครั้งแล้วก็เริ่มก้าวเดินใหม่และล้มลง ลุกขึ้นยืนก้าวเดินและล้มลง จนกระทั่งคุณลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มก้าวเดินได้คล่องแคล่วและง่ายด่ายมากขึ้น และนั่นก็คือชัยชนะครั้งแรกของคุณ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณล้มลงและไม่คิดที่จะลุกขึ้นแล้วก้าวเดินต่อ ผมคิดว่าตอนนี้คุณคงจะคลานไปไหนมาไหนแทนการเดินเป็นแน่แท้
    ฉนั้นแล้วผมจึงเขียน Blog นี้ขึ้นมา เขียนขึ้นมาให้คุณรู้คุณค่าของชัยชนะและคุณค่าของตัวคุณเอง ให้คุณรู้ว่าอุปสรรคมีไว้ฝ่าฟัน ให้คนที่มีความฝันยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้มันมาครอง  และอยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่าสิ่งใดได้มาง่ายดายก็ย่อมหมดค่าไปอย่างง่ายดาย เพราะฉนั้นแล้วจงลุกขึ้นเถิด จงยืนหยัดเถิด จงกล้าที่จะหยิบดาบแห่งชัยชนะ สวมเกราะแห่งความมุ่งมั่น และโล่แห่งศรัทธาฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาในชีวิตเถิด แล้วชัยชนะที่คู่ควรจะเป็นของคุณ

Read More......