วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ต้นไม้นี้มีนามว่า "ชีวิต"

    หากจะเปรียบเทียบว่าเด็กนั้นก็คือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ก็คงไม่แปลก เพราะเมื่อเราได้หว่านเมล็ดพันธุ์นั้นลงดิน ก็ย่อมต้องได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์นั้นเติบโตมาเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยดอกผล ฉนั้นแล้วมนุษย์แต่ละคนที่เติบโตขึ้นมาได้ ในทุกๆย่างก้าวย่อมต้องได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ย่อมต้องพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตมากมาย ทั้งที่ดีและไม่ดี ทั้งทุกข์และสุข ดังนั้นแล้วเมื่อเมล็ดพันธุ์ถูกหว่านลงดินพร้อมกับได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ได้ดินที่ดีอุดมสมบูรณ์ ก็ย่อมเกิดผลดีและเติบโตได้สมบูรณ์
    เราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กมาก่อน ล้วนเคยผ่านช่วงที่เรายังเป็นต้นกล้า ช่วงที่ยังบอบบางและต้องการการดูแลอย่างดีมาก่อน ดังนั้นแล้วมนุษย์เรานั้นก็คงไม่ต่างจากต้นไม้เลย ที่ในแต่ละช่วงของการเติบโตนั้นย่อมต้องผ่านการเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาวจนเราเติบโตขึ้นมาได้ จากเมล็ดสู่ต้นอ่อน จากต้นอ่อนสู่วัยที่ออกดอกออกผลมากมาย ย่อมต้องพบเจอกับอุปสรรค พายุ ลมผน ต่างๆมากมาย คุณลองคิดดูสิว่า ปีแล้วปีเล่าที่ผ่านเลยไปนั้นได้ทำให้เรานั้นเติบโตขึ้น แข็งแรงขึ้นมากมายขนาดไหน ทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆมากมายขนาดไหน ฉนั้นแล้วถ้าหากพวกคุณกำลังต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆนานา จนคุณอ่อนล้าแล้วดูเหมือนอย่างว่าคุณจะไปต่อไม่ได้ ก็ขอให้คุณเหลียวกับไปดูต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้ที่เติบโตจากต้นกล้าจนกระทั่งเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ มีกี่ครั้งที่ต้องยืนต้นเพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำ มีกี่ครั้งที่ต้องพบเจอกับแสงแดดที่แผดเผา กี่ครั้งที่แห้งแล้งและต้ิองกันดารน้ำ แต่ต้นไม้นั้นก็ผ่านมาได้ แต่สาเหตุคงไม่ใช่เพราะว่าอดทนและต่อสู้เพียงอย่างเดียวหรอกนะ!!! แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าทุกครั้งที่ต้นไม้นั้นต้องพบเจอกับปัญหา มันจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อต่อสู้กับปัญหาต่างๆนานา เมื่อมันต้องเจอกับพายุมันก็จะเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้โอนอ่อนไปตามลมได้ ฉนั้นแล้วคุณจงรู้ไว้เถอะว่าปัญหาหรืออุปสรรคที่คุณได้พบเจออยู่ มันเกิดขึ้นเพื่อให้คุณได้เรียนรู้และปรับตัว ฉนั้นแล้วจงยืนหยัดต่อสู้กับมรสุมที่ผ่านเข้ามาเถอะครับ เพราะทุกๆครั้งที่คุณผ่านมันมาได้นั้น คุณก็จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
    จงเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นเถิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่หยดน้ำที่หยดลงบนก้อนหินทุกวัน ยังทำให้หินกร่อนได้ คุณก็สามารถที่จะเรียนรู้และก้าวผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายไปได้อย่างแน่นอนขอเพียงแค่คุณไม่ละความพยายาม ดังนั้นแล้วจงอย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตาเลย เพราะว่าส่วนผสมของดินและน้ำก็อยู่ที่ตัวของเราแล้ว ที่เหลือก็แค่คุณต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างสง่างาม ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกมาอย่างแข็งแรงเถอะ    

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

I'm Sorry

    สำหรับบางคนแล้วการที่จะขอโทษหรือให้อภัยใครซักคนนั้นคงเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับคนบางคนแล้วการที่เราจะขอโทษหรือให้อภัยใครซักคนนั้นช่างง่ายเหลือเกิน เพราะว่ามนุษย์เราต่างคนก็ต่างนิสัย ล้วมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป บางคนโกรธง่ายหายเร็ว บางคนขี้งอน ขี้รำคาญ และมันก็ช่างเป็นเรื่องธรรมดาปกติเหลือเกิน ที่ในชีวิตของเรานั้นต่างก็ต้องมีสิ่งที่เราได้ทำบางสิ่งผิดพลาดออกไป แล้วมันได้ไปทำให้ใครบางคนเสียใจ แม้ในบางครั้งเราอาจไม่ตั้งใจ หรือในบางครั้งอารมณ์มันพาไป แล้วคุณเชื่อหรือไม่เพียงแค่คุณพูดคำว่า"ขอโทษ"เพียงคำเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้เรื่องพิดพลาดต่างๆนานากลับกลายเป็นดีได้
    มีหลายครั้งที่การพูดคำว่า"ขอโทษ"เพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่สามารถจะทำให้อีกฝ่ายยอมอภัยให้ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้นมันช่างยากจนเกินอภัยให้ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้นมันช่างยากจนเกินอภัย หรือสิ่งที่คุณทำลงไปนั้นมันได้ไปทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายซะมากมายซะเหลือเกิน ในเมื่อถ้าเป็นดังนั้นแล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี เพื่อให้เธอรู้ว่าฉันกำลังขอโทษและยอมรับผิดอยู่ ซึ่งวิธีนี้คุณสามารถนำไปใช้ง้อแฟนคุณได้ด้วย ถ้าอย่างนั้นเราตามไปดูกันเลย

  1.    เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณผิดจงยอมรับในความผิดของตัวเองให้ได้เสียก่อน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนผิดอยู่ด้วยก็ตาม ที่คุณต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้อารมณ์โกรธนำคุณได้ ถ้าคุณไม่ควบคุมตัวเองแล้วยอมรับผิดก่อนมันก็เหมือนคุณเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟนั่นหร่ะครับ มันมีแต่จะบานปลาย  2.    หลังจากนั้นคุณจากนั้นคุณก็แค่กล่าวคำว่า"ขอโทษ"ที่มันออกมาจากใจของคุณจริงๆพร้อมทั้งให้เหตุผลที่เกิดจากคุณ (สาเหตุของคุณคนเดียวเท่านนั้น ห้ามพาดพิงถึงอีกฝ่าย) เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าการที่คุณบอกถึงข้อบกพร่องของตัวเองเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคุณตั้งใจที่จะขอโทษและยอมรับผิด แล้วพร้อมที่จะหาทางออก หาทางปรับปรุงแก้ไขให้เหตุการณ์มันดีขึ้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นการทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ถ้าหากว่าคุณเป็นคู่รักกัน คุณอาจจะใช้คำว่า"เรา" เพราะว่าคำว่า"เรา"นั้นหมายถึง คุณเต็มใจที่จะปรับตัวเข้าหาคู่รักของคุณมากขึ้น 
 3.     แต่ถ้าหาก 2 วิธีแรกยังใช้ไม่ได้ผล นี่ก็คงเป็นท่าไม้ตายเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ "จงยอมรับผิด และเสนอเงื่อนไขที่จะทำให้อีกฝ่ายพอใจ" เช่น เมื่อคุณทำให้คนรักของคุณโกรธจัด คุณก็อาจจะขอโทษแล้วตามด้วยบอกกับคนรักของคุณว่า "หายโกรธเราเถอะนะ เราผิดไปแล้ว เธอจะให้เราปรับปรุงตัวเองยังไงก็บแกเรามา" หรืออาจจะเป็น "หายโกรธเราเถอะนะ แล้วเดี๋ยวเราจะซื้อตุ๊กตาหมีให้" เป็นต้น
    แล้วถ้าหากคุณได้ทำตาม วิธีดังกล่าวแล้ว แต่อะไรๆก็ยังไม่ดีขึ้น บทสรุปสุดท้ายก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ"เวลา"แล้วหร่ะครับ คงต้องรอให้ใจเย็นลงกว่านี้ก่อน ให้ได้ครุ่นคิดอะไรเสียก่อน แล้วผมเชื่ิอว่าอะไรๆต้องดีขึ้นแน่นอน
    และสุดท้ายนี้ผมก็ไม่อยากใครก็ตามที่มีปัญหากัน ทะเลาะกัน หรือมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ต้องคิดมากและกลุ้มใจ แต่ผมอยากให้คุณมองการที่คุณทะเลาะกัน ที่คุณโกรธกันเป็นเรื่องของการปรับความเข้าใจกัน คุณเคยโกรธพ่อแม่หรือทะเลาะกับเพื่อนท่านไหมครับ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณคืนดีกัน คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น คุณเคยทะเลาะกับแฟนของคุณไหม? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณคืนดีกัน คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้นและที่สำคัญอาจจะรักกันมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วเมื่อคุณทำผิดก็จงกล่าว"ขอโทษ"ออกมาเถอะ เพราะอีกฝ่ายอาจจะรอพูดคำว่า"อภัย"อยู่ก็ได้ ดังที่กลอนนี้ได้ว่าไว้

                             อย่ากลัวที่จะพูดคำว่า …ขอโทษ
                                  หากตัวเองเป็นฝ่ายผิด
                            เพราะอีกฝ่าย เขาอาจจะรอใช้สิทธิ์
                                    คำว่า….ให้อภัยอยู่!! 
 

Read More......

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท่วงทำนองแห่งชีวิต

    ถ้าจะให้พูดถึงบทเพลงที่ไพเราะ ก็คงต้องมีส่วนประกอบที่หลากหลายทั้งจังหวะ ทำนอง ความพร้อมเพรียง และอีกมากมาย ในเพลงแต่ละเพลงนั้นต่างก็มีจังหวะและทำนองที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นเพลงช้า บ้างก็เป็นเพลงเร็ว บางเพลงก็เศร้า บางเพลงก็สนุก ต่างก็ให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ในแต่ละบทเพลงนั้นอาจจะประกอบด้วยเครื่องดนตรีมากมาย หรือในบางเพลงก็มีเครื่องดนตรีแค่ไม่กี่อย่าง ถ้าจะเปรียบกันแล้วมันก็คงไม่ต่างจากชีวิตของเราเลย เพราะชีวิตของเรานั้นต่างก็มีทั้งทุกข์และสุข ทั้งสนุกและรื่นรมย์ บรรเลงรวมกันจนเกิดเป็น บทความที่มีชื่อว่า


                         "ท่วงทำนองแห่งชีวิต"


     ในหนึ่งบทเพลงนั้นจะต้องประกอบด้วยบทเพลงที่หลากหลาย เหมือนในหนึ่งวันของเรานั้นต่างก็พบเจอกับสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งรถติด ตื่นสาย ขี้เกียจ หรือเบื่อหน่าย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันของเราเสมอ คนบางคนรู้ว่ารถจะติดแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินทางหรือเปลี่ยนแปลงเวลาในการเดินทาง คนบางคนเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ตัวเองทำแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อไปหาสิ่งหใม่ๆ ต่างก็กลัวและมีข้ออ้างอยู่ตลอดเวลา น้อยคนนักที่จะรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองนั่นหร่ะที่เป็นคนกำหนดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ตัวเขาเองนั่นหร่ะที่เป็นคนกำหนดท่วงทำนองของชีวิต
    บางเวลาชีวิตของเราอาจจะต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ในบางครั้งเราอาจจะมีความสุขมากมายกับการใช้ชีวิต บางทีชีวิตของเราก็เหมือนขาขึ้นทำอะไรก็ดีไปหมด แต่ในบางทีชีวิตเราก็เหมือนเล่นตลก สิ่งที่เคยมีกลับไม่มี สิ่งที่เคยได้กลับไม่ได้ สิ่งที่เคยปรารถนากลับไม่สมหวังดังตั้งใจ มันก็คงไม่ต่างจากบางจังหวะในบทเพลง ที่มีทั้งเสียงสูงและเสียงต่ำ ดังนี้แล้วจงอย่ากังวลใจไปเลย เพราะเมื่อบทเพลงที่ไพเราะยังมีส่วนประกอบตั้งมากมายแล้วหร่ะก็ ชีวิตของเรามันก็ต้องมีทั้งช่วงที่ทุกข์และสุข สนุกและเสียใจ ปะปนกันไป ในเมื่อหนึ่งบทเพลงยังมีทั้งท่อนอินโทรและท่อนโซโล่ แล้วทำไมคุณถึงไม่ปรับปรุงท่อนอินโทรที่ไม่ดีของคุณให้เป็นท่อนท่อนโซโล่ที่สุดมันไปซะเลยหร่ะ
    ดังนั้นแล้วเมื่อคุณต้องพบเจอกับสิ่งใดที่มันเป็นอุปสรรค หรือสิ่งใดที่ไม่สมดังใจหวัง ก็ขอให้คุณรู้ไว้ว่า คุณกำลังฟังท่วงทำนองของบทเพลงที่แสนเศร้า บทเพลงที่ทำให้คุณซึ้งและบางครั้งทำให้คุณต้องเสียใจ เพราะเมื่อคุณได้ยินท่วงทำนองนี้อีกครั้งเมื่อใด คุณจะรู้ได้เลยว่าคุณเข้มแข็งมากขึ้น คุณจะสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น  แล้วถ้าเมื่อใดที่คุณมีความสุข คุณหัวเราะและร่าเริง ก็ขอให้คุณจดจำท่วงทำนองที่มีความสุขเหล่านี้ไว้ เพื่อให้คุณรู้ไว้ว่า เมื่อใดที่คุณเสียใจ คุณก็ยังสามารถเลือกบทเพลงแห่งความสุขเหล่านั้น เพื่อเปิดมันขึ้นมาใหม่ และสนุกไปกับมันอีกครั้งหนึ่งได้แล้วซักวันหนึ่งท่วงทำนองของบทเพลงทั้งหมดนี้นั้นก็จะรวมกันจนกลายเป็นอัลบั้มของตัวคุณเอง เป็นอัลบั้มที่คุณเป็นผู้แต่งมันขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง และคุณยังสามารถส่งต่อความไพเราะและความสวยงามให้กับผู้ฟังได้อีกมากมาย ฉนั้นแล้วจงเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตของคุณเถิด จงมีความกล้าที่จะลุกขึ้นยืนเถิด เพราะในทุกๆครั้งที่คุณก้าวเดินไป อย่างน้อยคุณก็ยังมีท่วงทำนองแห่งชีวิตนี้เป็นผลงานอันมีค่า ที่คุณได้เป็นผู้แต่งมันขึ้นมา

Read More......